แด่

"บี้ - ศิลป์ ศิวากรณ์"


วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2550

"จลาจลท่อก๊าซ"



เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
นั่งเงียบมาบนรถทัวร์สายใต้
ด้วยความหวาดระแวงต่ออำนาจรัฐ
ประคองเพื่อนบาดเจ็บสู่มุมที่เชื่อว่าปลอดภัยที่สุด
ก่อนประคองหัวใจบอบช้ำของตนสู่หุบเหวแห่งภวังค์…

เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
นั่งเงียบมาบนรถทัวร์สายใต้
ยินเพียงเสียงถอนหายใจ
เฝ้าแต่สบตา
เพียงเพื่อจะบอกกันและกันว่า
ต่างก็มิอาจข่มตาเช่นกัน…

หลับใหลกระไรได้?
ท่ามกลางความทรงจำบาดลึกสดร้อน!

ภาพกองทัพพิทักษ์สันติราษฎร์
เคลื่อนเข้าบดขยี้เรา-คนมือเปล่าสิบสองคน
กลางท้องถนน กลางนครใหญ่


เสียงบู๊ตหลายร้อยคู่กระทบถนนดังกึกก้อง!
แสงแดดส่องกระทบโล่ห์สะท้อนมาวับวาว!
เสียงกระบองแหวกอากาศ!
ใกล้เข้ามา…
ใกล้เข้ามา…
เราเกี่ยวแขนกันแน่นเข้าโดยไม่รู้ตัว
ในอึดใจก่อนนาทีนั้นจะเริ่มต้น…


……….


เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
ในฐานะผู้คลั่งบ้า! ป่าเถื่อน! นิยมความรุนแรง!
คัดค้านวิถีอารยะ!!!


บาปกรรมนี้ทำให้เราต่างไม่อาจข่มตาหลับใหล
ทำให้ตาเรายังเห็นภาพเพื่อนถูกกระแทก-เตะ-ถีบ
เห็นร่างตัวเองขดงออยู่กับพื้นใต้รองเท้าบู๊ต---อุ้งตีนอารยะ…

หูเรายังกึกก้องด้วยถ้อยคำหยาบคาย
ที่เปล่งออกมาจากคนในเครื่องแบบ
หัวใจเรายังเปียกปอนด้วยน้ำตาเพื่อน…และน้ำตาตัวเอง
หลายจุดในร่างกายเรายังเต็มไปด้วยร่องรอยอารยะเหล่านั้น


……….


เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
คือจลาจล ที่ต้องปราบ
จลาจลอันป่าเถื่อน!

เราจำได้ว่าตลอดชีวิตของเรา
นั้นเกลียดชังความรุนแรงนักหนา…

แต่เราก็จำได้ว่า
เราอยากเป็นยิ่งกว่าจลาจลเสียอีก!
ในนาทีที่เห็นเพื่อนผู้หญิงถูกผลักหัวกระแทกเสาไฟ!!!
แต่เราก็ทำได้เพียงแค่เอามือตัวเองเข้าไปซ้อนรับ…

เราจำได้ว่าเราอยากเป็นยิ่งกว่าป่าเถื่อน!
ในนาทีที่เห็นเลือดอาบร่างผู้หญิง-คนมือเปล่า
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ประชาชน"
ในนาทีที่เห็นเพื่อนซึ่งเพิ่งโดนจับกระแทกเสา
เข้ายื้อแย่งห้ามปรามคนมือเปล่าบางคน
ที่ชักเริ่มทนไม่ได้-ก้มหยิบฉวยก้อนหิน(อันป่าเถื่อน)
ขึ้นมาหวังตอบโต้โล่ห์และกระบอง…(อันอารยะ)


……….


เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
ผู้พ่าย…

ท่ามกลางสายฝนปลายเดือนตุลาคม
ข่าวการรวบรัดสรุปผลประชาพิจารณ์อัปยศถูกประกาศออกมา
เราต่างยืนงงงันอยู่ในห่าฝนนั้น
ปวดแปลบไปทั้งหัวใจ…

น้องคนหนึ่งเป็นลมล้มลง!
เรากรูกันเข้าไปช่วยทั้งน้ำตา
ขณะที่ยืนมองภาพน้องถูกหามออกไป
เราอยากเป็นยิ่งกว่าหมดสติ!
หวังให้ตัวเองล้มฟาดดับสูญลงไปตรงนั้น!!!

สูญไปเหมือนกับสิ่งที่เราร่วมพลีไปในวันนี้…


……….


เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
ท่ามกลางกระแสประณามความรุนแรง---ของเรา
ท่ามกลางการข่มขู่ด้วยกฎหมายสารพัด
ราวกับเข้าใจเจตนารมณ์แห่งกฎหมายนั้น
อย่าว่าแต่มนุษยธรรม…

เรากลับมาในฐานะจำเลยของสังคม…
นั่งเงียบมาบนรถทัวร์สายใต้
กลับบ้าน…
พร้อมกับบาดแผลบนร่างที่ต้องเร่งเยียวยา
และรอยแผลในหัวใจ…อันแพ้พ่าย
ที่บาดลึกยิ่งกว่า…



"จลาจลท่อก๊าซ"
(29-30 ตุลาคม 2543)

ไม่มีความคิดเห็น: