แด่

"บี้ - ศิลป์ ศิวากรณ์"


วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2550

มองพม่า - เถิด, อย่าเห็นเป็น "พม่า"



























มองพม่า - ก็เห็นเป็น "พม่า"?
เป็น "ประเทศ" อันเทือกผากั้นไว้?
เป็นอื่น - เป็น "เขา" …ห่างไกล?
ฝังจิตฝังใจใน "ตำนาน" ?

มองพม่า - เห็นแต่ "ทอง" ในพม่า?
เห็นแต่เพียงมูลค่ามหาศาล?
เห็นแต่ช่องเข้ากอบโกยกันเบิกบาน?
ไม่เห็นทุกข์ทรมานใดใด?



……….



ใครหนอ… ขีดคั่นคนเป็น "ไทย" – "พม่า"?
ทั้งความทุกข์ทนทรมา ความยากไร้
ความเจ็บปวด ไม่เคยมีชาติพันธุ์ใด
เจ็บเหมือนกันทุกหัวใจ – ทุกตัวตน!

ใครหนอ… ขีดเขตแดนแยกมนุษย์?
หวังวอน… เพื่อนมนุษย์จงข้ามพ้น
ใดหนอ… ที่ห่อฟ้าพร่ามัวมน?
ที่กั้น "คน" กับ "คน" ให้จนใจ?



……….



มองพม่า - เถิด, อย่าเห็นเป็น "พม่า"
เห็นรอยเลือด - รอยน้ำตานั่นไหม?
"เลือด" คือ "เลือด" ไม่เคยมี "พม่า" – "ไทย"
คือน้ำตา "คน" ร่ำไห้นองแผ่นดิน

มองพม่า, เถิด - เห็นเป็น "มนุษย์"
ขอสันติแด่มนุษย์ทุกแห่งหน
ขอความรัก ศรัทธา "คน" สู่ "คน"
หลั่งริน – ท่วมท้นทั้งโลกา

ขอความรัก ศรัทธา "คน" สู่ "คน"
นำพม่าก้าวพ้นทุรยุค!





หมายเหตุ


ผู้เขียนทราบดีว่า ประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อย รู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ทั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และที่ชาวพม่าต้องเผชิญมาตลอดหลายสิบปี ด้วยความเคารพและรู้สึกขอบคุณต่อหัวใจอันยิ่งใหญ่และกว้างขวางกว่าขอบเขตของพรมแดนใดๆ หัวใจที่อคติแห่ง "ตำนาน" ไม่สามารถทอดเงาเข้าไปบดบังได้

บทกวีนี้เขียนขึ้นเพื่อวอนขอให้อคติทั้งปวง ที่มีต่อความแตกต่างเชื้อชาติ-ภาษา ซึ่งยังคงดำรงอยู่ และกีดกั้นความอาทรระหว่างเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะมีที่มาจากสิ่งใดก็ตาม ได้โปรดจงสลายไปด้วยเถิด…


มองพม่า - เถิด, อย่าเห็นเป็น "พม่า"
(30 กันยายน 2550)




เผยแพร่ครั้งแรกใน มองพม่า - เถิด, อย่าเห็นเป็น "พม่า"
คอลัมน์ "บังเอิญคิด", เวบไซต์ประชาไท
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2550

"ขมาวีรชน" (2)




1
มืดมน –แลเงียบงัน
ไร้ที่ทางให้ความฝันอันแตกต่าง
เส้นทางร้างไร้ผู้เดินทาง
ฟ้ามืด - ดินกว้างไร้ทางชน…


เออหนอ… "ประชาธิปไตย"
อีกกี่นาน? อีกกี่ไกล? อีกกี่หน?
อีกกี่ปืน? – พลีอีกกี่วีรชน?
…เลือนราง - จางปนในเปลวควัน


เออหนอ… "สิทธิ์ – เสรี"
มีเพียงในบทกวีและความฝัน?
เออหนอ… ฟ้าสีทองผ่องอำพัน
ประชาชนเหล่านั้นอยู่มุมใด?



2
…เสียงหนึ่งลอบมาในความฝัน
สำเนียงชวนทั้งหวาดหวั่นและหลงใหล
ทั้งขู่-ปลอบ ทั้งปรักปรำ ทั้งกล่อมใจ
จึงเคลิบเคลิ้มไปทั้งกล้ำกลืน…


"… หยุดเสีย - หยุดร้องหาเสรีภาพ!
นิ่งเสีย – แล้วก้มกราบกระบอกปืน!
หยุดคิด! หยุดฝัน! หยุดแข็งขืน!
อยากอยู่ยืนก้มหน้ารับสดับฟัง!


อำนาจนั้นประชาชนมิพึงมี
ลืมให้สิ้น - สิทธิ์เสรีแต่หนหลัง
แหลกสลาย-กลายกลับ-ผุพัง
ดังนี้จึงคือ "ความหวัง" อลังการ


เชื่อเถิด --- กระบอกปืนจะโอบเอื้อ
ก่อเกื้อประชาธิปไตยฉายฉาน
มวลมหาประชาชนผู้ทนทาน
สุขสราญอยู่ใต้ฟ้าสถาพร


ดังนี้จึง "ประชาธิปไตย" แบบ "ไทย" แท้
กงเกวียนจึงหมุนแปรสู่กาลก่อน
แลนี้คือชะตาแห่งนาคร
เพียงเจ้าที่ทุกข์ร้อนอยู่ลำพัง!! ..."



3
…คุกเข่า – ขมาวีรชน
ทางข้างหน้าแม้มืดมนจนเกินหวัง
แม้สุดท้ายต้องสลาย - ต้องพ่ายพัง
ข้าฯจะไม่กลับหลังกลืนน้ำลาย !!




"ขมาวีรชน" (2)
(กันยายน 2550)



หมายเหตุ:
เผยแพร่ครั้งแรกใน "ขมาวีรชน" (2)
คอลัมน์ "บังเอิญคิด", เวบไซต์ประชาไท
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2550

ภาพประกอบจาก www.sameskybooks.org ภาพปกวารสาร ฟ้าเดียวกัน
ปีที่ 5 ฉบับที่ 3: กรกฎาคม – กันยายน 2550 “ร่วมฉลองรัฐธรรมนูญฉบับโคตรมหาถาวร” (ขออนุญาตแล้ว)

มองพม่า - เถิด, อย่าเห็นเป็น พม่า"







มองพม่า - เถิด, อย่าเห็นเป็น “พม่า”
Submitted on 01 October 2007 - 16:13:50. Category: Criticism. Tags: Burma


มองพม่า - ก็เห็นเป็น “พม่า”?
เป็น “ประเทศ” อันเทือกผากั้นไว้?
เป็นอื่น - เป็น “เขา” …ห่างไกล?
ฝังจิตฝังใจใน “ตำนาน” ?

มองพม่า - เห็นแต่ “ทอง” ในพม่า?
เห็นแต่เพียงมูลค่ามหาศาล?
เห็นแต่ช่องเข้ากอบโกยกันเบิกบาน?
ไม่เห็นทุกข์ทรมานใดใด?


……….


ใครหนอ… ขีดคั่นคนเป็น “ไทย” – “พม่า”?
ทั้งความทุกข์ทนทรมา ความยากไร้
ความเจ็บปวด ไม่เคยมีชาติพันธุ์ใด
เจ็บเหมือนกันทุกหัวใจ – ทุกตัวตน!

ใครหนอ… ขีดเขตแดนแยกมนุษย์?
หวังวอน… เพื่อนมนุษย์จงข้ามพ้น
ใดหนอ… ที่ห่อฟ้าพร่ามัวมน?
ที่กั้น “คน” กับ “คน” ให้จนใจ?


……….


มองพม่า – เถิด, อย่าเห็นเป็น “พม่า”
เห็นรอยเลือด - รอยน้ำตานั่นไหม?
“เลือด” คือ “เลือด” ไม่เคยมี “พม่า” – “ไทย”
คือน้ำตา “คน” ร่ำไห้นองแผ่นดิน

มองพม่า, เถิด - เห็นเป็น “มนุษย์”
ขอสันติแด่มนุษย์ทุกแห่งหน
ขอความรัก ศรัทธา “คน” สู่ “คน”
หลั่งริน – ท่วมท้นทั้งโลกา

ขอความรัก ศรัทธา “คน” สู่ “คน”
นำพม่าก้าวพ้นทุรยุค!





หมายเหตุ


ผู้เขียนทราบดีว่า ประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อย รู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ทั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และที่ชาวพม่าต้องเผชิญมาตลอดหลายสิบปี ด้วยความเคารพและรู้สึกขอบคุณต่อหัวใจอันยิ่งใหญ่และกว้างขวางกว่าขอบเขตของพรมแดนใดๆ หัวใจที่อคติแห่ง “ตำนาน” ไม่สามารถทอดเงาเข้าไปบดบังได้

บทกวีนี้เขียนขึ้นเพื่อวอนขอให้อคติทั้งปวง ที่มีต่อความแตกต่างเชื้อชาติ-ภาษา ซึ่งยังคงดำรงอยู่ และกีดกั้นความอาทรระหว่างเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะมีที่มาจากสิ่งใดก็ตาม ได้โปรดจงสลายไปด้วยเถิด…